วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำความรู้จักปั๊มน้ำกันเถอะ


ปั๊มน้ำ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือไฟฟ้าอีกหมวดหนึ่งที่ใช้มาก ในอุตสาหกรรมและ  ตามบ้านเรือน โดยเฉพาะตามที่พักอาศัยซึ่งเป็นอาคารชุด ตามอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือในบางพื้นที่ที่ต้องการสูบน้ำจากใต้ ดินขึ้นมาใช้
ดังนั้นการรู้จักมักคุ้นซื้อ รู้จักวิธีการใช้และการติดตั้ง “ปั๊มน้ำ” อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้ เกิดการรั่วไหลและสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นการใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำอย่างมี ประสิทธิภาพ และราคาปั๊มน้ำที่ถูกลงมาก

ชนิดของปั๊มน้ำ (ตามลักษณะการทำงาน)
ปั๊มแบบใบพัด
ปั๊มชนิดนี้ภายในเรือนปั๊ม จะมีใบพัด ดำเนินการสร้างความดัน จากการหมุนที่ความเร็วรอบสูงและแรงดันทำให้ น้ำไหลไปตามท่อที่ต่อ'ไว้ได้ นิยม นำมาใช้ใน อุตสาหกรรมและตามที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะ การไหลของนาจะต่อเนื่องสม่ำเสมอ

เครื่องปั๊มน้ำแบบลูกสูบ
ปั้มน้ำแผนกนี้เรือนปั๊มเป็นกระบอกสูบ ภายในจะมีลูกสูบ ทำหน้าที่สร้างความดันจากการเคลื่อนที่ของ ลูกสูบ ทำให้ความจุของ กระบอกสูบลดลงเกิดเป็นความดันเพื่อขับดันนาให้ไหลไปได้ แต่การไหลของนา จะเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ส่วนใหญ่นำไปใช่ในงาน ที่ต้องการความดันสูง

การทำงานของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่ใช้ภายในบ้านเป็นชนิดที่มี ใบพัดภายในหัวปั๊มหรือเรือนปั๊ม  ใบพัดเป็นตัวสร้างความดันเพื่อ ขับดันให้น้ำไหลไปได้โดยมีชุดสวิตซ์ความ ดันเป็นวัตถุควบคุมการทำงานของ ปั๊มน้ำ ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ จะต่อโดยตรงกับจุดใช้น้ำ เช่นฝักบัว ก๊อกน้ำ ชักโครก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเราเปิดฝักบัวหรือก๊อกน้ำ น้ำจะ ไหลออกจากท่อหรือระบบทำให้ความดัน ภาย ในท่อลดลงส่งผลให้เกิดการดัดต่อของ สวิตซ์ความดัน ปั๊มน้ำจึงทำงาน
การเปิดก๊อกน้ำมีผลต่อการทำงาน ของปั๊มน้ำเป็นอย่างมาก ถ้าเราเปิดก๊อก น้ำเพียง ตัว และน้ำไหลไม่แรงมากแล้ว การทำนจะไม่ตัดต่อบ่อยเพราะยังมี ความตันเหลืออยู่ในเส้นท่อมาก แต่ถ้าเรา เปิดก๊อกให้น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ  ท่าให้ความดันสูญเสียเร็วขึ้นปั๊มน้ำก็จะ ท่างานบ่อยมากขึ้น ตังนั้นเพื่อเป็นการ ออมอดน้ำและ ไฟฟ้าควรเปิดก๊อกน้ำใช้ตามความจำเป็น แต่ในกรณีที่เราจำเป็นจะต้องเปิดใช้น้ำหลายจุด พร้อมกัน เช่น ใช้ฝักบัวอาบน้ำพร้อมกับล้างจานและรดน้ำต้นไม้ จะทำให้ปั๊มน้ำทำงานทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นการใช้น้ำในแต่ละจุดจึงไม่ควร เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ทุกเมื่อ

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

เครื่องปั่นไฟช่วยระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทย

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (electric generator)  คือ เครื่องกลที่ใช้สำหรับเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน คือเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะผลิตไฟฟ้าออกมา

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นเครื่องจักรกลที่ดำเนินการเปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กตามหลักของ ไมเคิล ฟาราเดย์ คือ การเคลื่อนของขดลวดตัวนำผ่านสนามแม่เหล็ก หรือการเคลื่อนที่แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนำ จะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดตัวนำนั้น

ปัจจุบันระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีศักยภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครอบคลุมทุกพื้นดิน  ทำให้สถานประกอบการมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้ต่อเนื่องทั้งวัน  แต่บางครั้งอาจจะเกิดข้อขัดข้องจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันเนื่องมาจาก ความบกพร่องของเครื่องมือในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ  มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อฟื้นฟู  แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น  การเกิดเหตุเภทภัยธรรมชาติ  เช่น  ลมพายุ  ฝนฟ้าคะนอง  ทำให้กิ่งไม้ในละแวกใกล้เคียงสายส่งหักพาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร  หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อขัดข้องดังกล่าว  ถึงแม้ทำให้มีความกระทบกระเทือนต่อบ้านพักอาศัยของมวลมนุษย์ไม่มากนัก              แต่สำหรับสถานที่ประกอบการประเภทอาคารสูง  โรงแรม  โรงหมอ  โรงงานอุตสาหกรรม จึงมีความกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก  เช่น  ระบบปรับอากาศ  ลิฟต์ประจำอาคาร  กระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นสาเหตุให้เกิดการเสียหายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าสำรองไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง(Stand by Generator)  นั่นเอง
ดังนั้น สถานที่ประกอบการจะต้องตรึกตรองเสียก่อนว่า กิจการของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความมั่นคงเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ และไม่สามารถหยุดกระบวนการทำงานเป็นระยะเวลานานได้ ซึ่ง  (The National Fire Protection Association) ได้แยกระดับของความเชื่อถือของระบบไฟฟ้าตามความสำคัญของภาระไฟฟ้าออกเป็น  4  ลำดับขั้น
ระดับที่  1  ระบบไฟฟ้าฉับพลันเพื่อความปลอดภัยในชีวิต  เช่น ระบบไฟแสงสว่าง ระบบระบายอากาศ และระบบป้องกันเพลิงไหม้ เป็นต้น
ระดับที่ 2  ระบบไฟฟ้าเร่งด่วนเพื่อปกป้องความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม  เช่น  ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูลหลัก  ศูนย์จัดเก็บข้อมูลของธนาคาร  ระบบไฟฟ้าของห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล  เป็นต้น
ระดับที่  3  ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อป้องกันความเสียหาย ทางเศรษฐกิจเนื่องจากกระบวนการผลิตต่างๆ  หยุดชะงัก เช่น  การผลิตส่วนประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอาหาร  การผลิตทางเคมี  การกลั่นน้ำมัน  เป็นต้น
ระดับที่ 4  ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อปกป้องกระบวนการทำงานมิให้เกิดการหยุดชะงัก จนทำให้เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตเกิดความเสียหายได้ เช่น ระบบหล่อเย็น ระบบหล่อลื่น  เป็นต้น
เพราะเช่นนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การทำงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีเครื่องปั่นไฟเก็บสำรองไว้ใช้งาน

เครื่องปั่นไฟมี 2 ชนิด คือชนิดกระแสตรงเรียกว่า ไดนาโม (Dynamo) และชนิดกระแสสลับเรียกว่า อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternator) สำหรับเครื่องปั่นไฟที่ใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็นเครื่องปั่นไฟชนิดกระแสสลับ ซึ่งมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเฉพาะเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ที่ใช้ตามโรงไฟฟ้าจะเป็นเครื่องกำเนิดแบบ 3 เฟสทั้งหมด เนื่องมาจากสามารถผลิตและจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เป็นสามเท่าของเครื่องปั่นไฟแบบ 1 เฟส

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

ข้อคิดก่อนซื้อปั๊มน้ใช้ภายในบ้าน


ปั๊มน้ำ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือไฟฟ้าอีกหมวดหนึ่งที่ใช้มาก ในอุตสาหกรรมและ  ตามบ้านเรือน โดยเฉพาะตามที่พักอาศัยซึ่งเป็นอาคารชุด ตามอาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ต่างๆ หรือในบางพื้นที่ที่ต้องการสูบน้ำจากใต้ ดินขึ้นมาใช้
ดังนั้นการรู้จักมักคุ้นซื้อ รู้จักวิธีการใช้และการติดตั้ง “ปั๊มน้ำ” อย่างถูกวิธีจะไม่ก่อให้ เกิดการรั่วไหลและสิ้นเปลืองพลังงานและเป็นการใช้ไฟฟ้าและใช้น้ำอย่างมี ประสิทธิภาพ และราคาปั๊มน้ำที่ถูกลงมาก

ชนิดของปั๊มน้ำ (ตามลักษณะการทำงาน)
ปั๊มแบบใบพัด
ปั๊มชนิดนี้ภายในเรือนปั๊ม จะมีใบพัด ดำเนินการสร้างความดัน จากการหมุนที่ความเร็วรอบสูงและแรงดันทำให้ น้ำไหลไปตามท่อที่ต่อ'ไว้ได้ นิยม นำมาใช้ใน อุตสาหกรรมและตามที่อยู่อาศัยทั่วไป เพราะ การไหลของนาจะต่อเนื่องสม่ำเสมอ

เครื่องปั๊มน้ำแบบลูกสูบ
ปั้มน้ำแผนกนี้เรือนปั๊มเป็นกระบอกสูบ ภายในจะมีลูกสูบ ทำหน้าที่สร้างความดันจากการเคลื่อนที่ของ ลูกสูบ ทำให้ความจุของ กระบอกสูบลดลงเกิดเป็นความดันเพื่อขับดันนาให้ไหลไปได้ แต่การไหลของนา จะเป็นช่วงๆ ตามจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ส่วนใหญ่นำไปใช่ในงาน ที่ต้องการความดันสูง

การทำงานของปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่ใช้ภายในบ้านเป็นชนิดที่มี ใบพัดภายในหัวปั๊มหรือเรือนปั๊ม  ใบพัดเป็นตัวสร้างความดันเพื่อ ขับดันให้น้ำไหลไปได้โดยมีชุดสวิตซ์ความ ดันเป็นวัตถุควบคุมการทำงานของ ปั๊มน้ำ ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ท่อส่งน้ำ จะต่อโดยตรงกับจุดใช้น้ำ เช่นฝักบัว ก๊อกน้ำ ชักโครก เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเราเปิดฝักบัวหรือก๊อกน้ำ น้ำจะ ไหลออกจากท่อหรือระบบทำให้ความดัน ภาย ในท่อลดลงส่งผลให้เกิดการดัดต่อของ สวิตซ์ความดัน ปั๊มน้ำจึงทำงาน
การเปิดก๊อกน้ำมีผลต่อการทำงาน ของปั๊มน้ำเป็นอย่างมาก ถ้าเราเปิดก๊อก น้ำเพียง ตัว และน้ำไหลไม่แรงมากแล้ว การทำนจะไม่ตัดต่อบ่อยเพราะยังมี ความตันเหลืออยู่ในเส้นท่อมาก แต่ถ้าเรา เปิดก๊อกให้น้ำไหลแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ  ท่าให้ความดันสูญเสียเร็วขึ้นปั๊มน้ำก็จะ ท่างานบ่อยมากขึ้น ตังนั้นเพื่อเป็นการ ออมอดน้ำและ ไฟฟ้าควรเปิดก๊อกน้ำใช้ตามความจำเป็น แต่ในกรณีที่เราจำเป็นจะต้องเปิดใช้น้ำหลายจุด พร้อมกัน เช่น ใช้ฝักบัวอาบน้ำพร้อมกับล้างจานและรดน้ำต้นไม้ จะทำให้ปั๊มน้ำทำงานทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นการใช้น้ำในแต่ละจุดจึงไม่ควร เปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ทุกเมื่อ

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าทางเศรษฐกิจ

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generate electricity)  คือ เครื่องยนต์ที่ใช้สำหรับแปลงพลังงานกลเป็นแรงงานไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงาน คือเมื่อสนามแม่เหล็กเคลื่อนที่ตัดขดลวด หรือขดลวดเคลื่อนที่ตัดสนามแม่เหล็กก็จะเกิดไฟฟ้าออกมา

เครื่องปั่นไฟเป็นเครื่องจักรกลที่ทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กตามหลักการของ ไมเคิล ฟาราเดย์ คือ การเคลื่อนที่ของขดลวดตัวนำผ่านสนามแม่เหล็ก หรือการเคลื่อนที่แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนำ จะทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวดตัวนำนั้น

ปัจจุบันนี้ระบบไฟฟ้าภายในประเทศไทยมีทั้งระบบการผลิตการส่งจ่ายและการจำหน่ายที่มีศักยภาพ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ครอบคลุมทุกภูมิประเทศ  ทำให้สถานที่ประกอบการมีกระแสไฟฟ้าใช้ได้ต่อเนื่องทั้งวัน  แต่บางครั้งอาจจะเกิดข้อขัดข้องจากการส่งจ่ายกระแสไฟฟ้าอันเนื่องมาจาก ความบกพร่องของอุปกรณ์ในระบบหรือการเกิดอุบัติเหตุ  มีการตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อฟื้นฟู  แก้ไข หรือปรับปรุงระบบสายส่งให้ดีขึ้น หรือมีการเชื่อมต่อสายส่งเพิ่มขึ้น  การเกิดภัยธรรมชาติ  เช่น  ลมพายุ  ฝนฟ้าคะนอง  ทำให้กิ่งไม้ในละแวกใกล้เคียงสายส่งหักพาดสาย ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร  หรือเกิดฟ้าผ่าลงบนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง
ซึ่งข้อติดขัดดังกล่าว  ถึงแม้ทำให้มีผลกระทบต่อบ้านพักอาศัยของประชากรไม่มากนัก              แต่สำหรับสถานประกอบการประเภทอาคารสูง  โฮเต็ล  โรงหมอ  โรงงานอุตสาหกรรม จึงมีความกระทบกระเทือนค่อนข้างมาก  เช่น  ระบบปรับอากาศ  ลิฟต์ประจำอาคาร  ขบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม จะหยุดชะงัก เป็นสาเหตุให้เกิดการเสียหายแก่สถานที่ประกอบการนั้น ๆ เพราะเช่นนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีกำลังไฟฟ้าสำรองไว้จ่ายพลังงานทดแทน ซึ่งกำลังไฟฟ้าสำรองนี้ได้มาจากเครื่องปั่นไฟสำรอง(Stand by Generator)  นั่นเอง
ดังนั้น สถานที่ประกอบการจะต้องคิดทบทวนเสียก่อนว่า กิจการค้าของตนเองจำเป็นต้องมีระบบไฟฟ้าที่ระดับความเสถียรเพียงใด และกิจกรรมการใช้ไฟฟ้าใดบ้างที่เป็นกิจกรรมที่สำคัญ และไม่สามารถหยุดกระบวนการทำงานเป็นระยะเวลานานได้ ซึ่ง NFPA ได้แบ่งระดับของความเชื่อถือของระบบไฟฟ้าตามความสำคัญของภาระไฟฟ้าออกเป็น  4  ลำดับขั้น
ระดับที่  1  ระบบไฟฟ้าฉับพลันเพื่อความปลอดภัยในชีวิต  เช่น ระบบไฟแสงสว่าง ระบบระบายอากาศ และระบบป้องกันเพลิงไหม้ เป็นต้น
ระดับที่ 2  ระบบไฟฟ้าเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายของโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม  เช่น  ระบบควบคุมและจัดเก็บข้อมูลหลัก  ศูนย์จัดเก็บข้อมูลของธนาคาร  ระบบไฟฟ้าของห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล  เป็นต้น
ระดับที่  3  ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อป้องกันความล้มเหลว ทางเศรษฐกิจเนื่องจากกระบวนการผลิตต่างๆ  หยุดชะงัก เช่น  การผลิตส่วนประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอาหาร  การผลิตทางเคมี  การกลั่นน้ำมัน  เป็นต้น
ระดับที่ 4  ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินเพื่อดูแลกระบวนการทำงานมิให้เกิดการหยุดชะงัก จนทำให้เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ในกระบวนการผลิตเกิดความเสียหายได้ เช่น ระบบหล่อเย็น ระบบหล่อลื่น  เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การทำงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองไว้ใช้งาน

เครื่องกำเนิดไฟฟ้ามี 2 ชนิด คือชนิดกระแสตรงเรียกว่า ไดนาโม (Dynamo) และชนิดกระแสสลับเรียกว่า อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternator) สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็นเครื่องปั่นไฟชนิดกระแสสลับ ซึ่งมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส โดยเฉพาะเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ที่ใช้ตามโรงไฟฟ้าจะเป็นเครื่องกำเนิดแบบ 3 เฟสทั้งหมด เพราะว่าสามารถผลิตและจ่ายกำลังไฟฟ้าได้เป็นสามเท่าของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ 1 เฟส